หากนับกันว่า “นักฟุตบอล” สายเลือดไทย ใน ไทยลีกยุคนี้ ใครคือตัวจี๊ดหลายเสียง คงยกให้เฉพาะ “นักเตะไทยทีมช้างศึก” เพราะการันตีฝีเท้า จากเกมระดับข้ามประเทศ
แต่วันนี้ “DailysoccerThailand-DST.” จะพาไปรู้จักกับ “นักบอลนอกสายตา” แต่ฝีเท้าไม่เป็นรอง – ใช้เวลา 6 ปีสามารถพิสูจน์ตัวเอง จนทีมไทยลีกระดับท็อปต้องการตัว
เขาคือ “นนท์ – นิติพงษ์ เสลานนท์” ผู้เล่นกองหลังหมายเลข 34 ที่ล่าสุดฝากผลงานกับ “ทีมท่าเรือ”
“นนท์” นักเตะหนุ่ม วัย 24 ปี พื้นเพเป็น เด็กราชบุรี แต่ไปเติบโตในวงการค้าแข้ง ที่จ.ชลบุรี และโลดเล่นในสายนักบอลอาชีพ ทั้งที่ “กัลฟ์ สระบุรี เอฟซี” – “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” และ “ท่าเรือ เอฟซี”
แต่สมัยเด็ก “นนท์” ไม่มีความสนใจพิเศษกับ กีฬาฟุตบอล แต่เล่นเพื่อความสนุก กับพ่อ กับคนแถวบ้านกลางถนน เล่นแบบไร้ความฝันว่าเมื่อโตจะก้าวสู่ ถนนสายอาชีพนักฟุตบอล
แต่ด้วยทักษะ-ฝีเท้าที่บ่มเพาะ จากความสนุก กลายเป็นความสามารถเฉพาะตัว ช่วงวัยประถม “เจ้านนท์” ติดตัวนักกีฬาของโรงเรียนอนุบาลราชบุรี จนถึงวัยเรียนชั้นมัธยมศึกษา เขาได้โควต้าเรียนที่โรงเรียนชลราษฎรอำรุง (ชลชาย) ประจำจังหวัดชลบุรี และตอนนั้น มุมที่เห็นฟุตบอลเป็นแค่เรื่องสนุก ก็เปลี่ยนไป
“ช่วง ม.2 ทางสโมสรฟุตบอลชลบุรี เอฟซี เรียกให้ผมไปเซ็นต์สัญญาเข้าทีม เป็นนักเตะรุ่นเล็กให้กับสโมสร ช่วงปี 50-54 ทำให้ผมคิดเรื่องฟุตบอลจริงจัง เพราะต้องฝึก ต้องซ้อม ไปแข่งรายการต่างๆ อย่างยูธลีก, บอลโค้กคัพ” นนท์ เล่า
และด้วยโอกาสที่ได้ลงแข่งบ่อยครั้ง ทำให้ฝีเท้าของ “เจ้านนท์” เตะตาโค้ชทีมบอลระดับอาชีพ เมื่อเรียนจบชั้น ม.6 สโมสรฟุตบอลอาชีพ ระดับ ดิวิชั่น1 – “กัลฟ์ สระบุรี เอฟซี” ยืมตัวไปใช้งาน ฐานะนักเตะสาระพัดประโยชน์ นานถึง 2 ปี ก่อนที่ “ปราสาทสายฟ้า-บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” จะขอซื้อตัว ซึ่งในปีแรกที่ “เจ้านนท์” ไปฝากฝีเท้า เป็นปีเดียวกันที่ “ปราสาทสายฟ้า” ได้แชมป์ไทยลีก
หลังจากที่อุทิศตัว ถวายแข้งให้ “ปราสาทสายฟ้า” ครบ1ฤดูกาล “เจ้านนท์” ถูก“ทีมสิงห์เจ้าท่า-ท่าเรือ เอฟซี” ซื้อตัว และเล่นให้กับทีมท่าเรือจนถึงปัจจุบัน
จากความสนุกในวัยเด็ก ผันมาสู่ฟุตบอลมืออาชีพ นับตอนนี้ ผ่านมาแล้ว 6 ปี แต่ “เจ้านนท์” ยังมองตัวเองว่ามีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมาก เพราะเกมฟุตบอลปัจจุบันต้องแข่งขันสูง ทั้งแข่งขันกับต่างทีม แข่งขันกับตัวเอง และ ต้องเอาชนะความกดดันจากคนรอบข้าง และที่สำคัญเขามองตัวเองว่า ไม่ใช่คนเก่ง หรือเป็นตัวท็อป ดังนั้นในทุกๆ วันต้องดูความผิดพลาด เติมส่วนที่ขาด และศึกษาคู่ต่อสู้ที่เจอในสนามแข่ง
กับอีกหนึ่งข้อมูล ที่คนยังรู้ส่วนน้อย คือ “เจ้านนท์” ถูกกล่าวขานว่าเป็น นักเตะดาวรุ่งสารพัดประโยชน์ เพราะเล่นแล้วเกือบทุกตำแหน่งในสนาม ยกเว้น “ผู้รักษาประตู” ซึ่งเจ้าตัวกล่าวแบบติดตลกว่า หากจะพลิกไปเล่นประตู น่าสนใจดี แต่อาจไม่ถนัด
อีกหนึ่งความภูมิใจส่วนตัว ฐานะ นักบอลที่รับใช้ชาติ เมื่อตอนอายุ 19 “เจ้านนท์” ถูกเรียกไปรับใช้ชาติ ฐานะนักเตะเยาวชนทีมชาติไทยอายุไม่เกิน 19 ปี ซึ่งตอนนั้นได้ฝากผลงานไว้พอสมควร และยังมีความฝันว่า อนาคตอันใกล้ เขาอยากมีชื่อเป็นนักเตะทีมชาติรุ่นใหญ่อีกสักครั้ง โดยรายทางสู่ฝัน เจ้าตัวได้บ่มเพาะฝีเท้าและพัฒนาทักษะเพื่อให้เหมาะสมกับ “ทีมชาติ”
สำหรับยอดนักเตะที่ “กองหลังสิงห์ท่าเรือ” ยกให้เป็นแบบอย่าง คือ “โค้ชแบน-ธชตวัน ศรีปาน” อดีตกองกลางทีมชาติไทย เพราะจากที่เคยร่วมงานกัน สมัย อยู่ทีม กัลฟ์ สระบุรี เอฟซี ได้เห็นการทำงาน – การสอน และความตั้งใจต่อเกม จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ “เจ้านนท์” เป็นนักเตะผู้ไม่เคยยอมแพ้และทุ่มเทต่อเกมแข่งขันทุกแมชต์
“ผมพยายามทำทุกเกมให้ดีที่สุด แบบไม่กดดันตัวเอง เพราะคิดว่า แม้หลายคนจะชื่นชมนักเตะไทยที่เก่ง เช่น ธีรศิลป์ แดงดา เขาก็ไม่คาดหวังว่าจะต้องเป็นแบบนั้น เพราะแต่ละคนมีสไตล์ที่ต่างกัน เป้าหมายเล่นให้เก่งทำได้ แต่อย่าเอาเป้าหมายนั้นมาคาดหวัง จนกลายเป็นความกดดันตัวเอง”
เจ้านนท์ ฝากถึงเยาวชนในตอนท้ายนี้ ด้วยว่า ขอให้ตั้งใจทำในบทบาทของตนเอง และทำให้เต็มที่ เรื่องฟุตบอลไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่แรก สำคัญสุดคือการพัฒนาให้ทะลุขีดสุดของตัวเอง.
เรื่องโดย : BlackSugar
ขอบคุณภาพสวยๆ จาก สโมสรการท่าเรือ เอฟซี
ตามอ่านสาระดีๆ ของพวกเราเพิ่มเติมได้ที่ : www.facebook.com/dailysoccerthailand/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น